ทัวร์จีน ปากีสถาน
Day 1 : Bangkok – Urumqi
06.00 น. ทัวร์จีน ปากีสถาน
พบกันที่สุวรรณภูมิ แถว U ประตู 8 เดินทางสู่อูรู่มู่ฉี โดยสายการบิน China Southern Airlines เที่ยวบิน CZ362 (8.40-12.35) แวะเปลี่ยนเครื่องที่กวางเจา CZ6888 (15.50-20.55 น.)
20.55 น. ทัวร์จีน ปากีสถาน
ถึงอูรูมู่ฉี นำท่านเข้าที่พัก
คืนนี้เราจะพักกันที่ Urumqi
Day 2 : Tianchi – Hongshan – Dapaja Market
เริ่มต้นเดินทางบนเส้นทางสายไหม ไปยังทะเลสาบเทียนฉือ ตั้งอยู่บนเทือกเขาเทียนซาน ตัวทะเลสาบตั้งอยู่ใจกลางเทือกเขา เป็นทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการสลายตัวของหิมะบนภูเขาเทียนซาน ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่บนความสูง 1,900 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในฤดูหนาวเมื่อผืนน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง คนในเมืองจะขึ้นมาเล่นสกีกันมากมาย ปลายเดือนเมษายนน้ำแข็งถึงจะละลายกลายเป็นผืนน้ำสีเขียวมรกต สะท้อนเงาเทือกเขาป๋อเก๋อต๋าฟงและป่าสนที่รายรอบ
ชม สวนหงซาน ชมวิวทิวทัศน์ของเมืองซินเจียงพร้อมทั้งชมราวทางเดินที่มีแม่กุญแจคล้องไว้เป็นจำนวนมากตามความเชื่อของคู่รักที่ว่าจะทำให้ความรักของทั้งคู่ยั่งยืนและอยู่คู่ชีวิตกันตลอดไปพร้อม ถ่ายรูปกับทัศนียภาพอันสวยงาม
ช้อปปิ้งของฝากกลับบ้านที่ ตลาดพื้นเมือง เอ้อเต้าเฉียว (ตลาดต้าปาจา) เป็นตลาดพื้นเมืองที่เป็นสัญลักษณ์อูหลู่มูฉี จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เช่น อัลมอนด์, วอลนัท, กีวีอบแห้ง, ลูกเกด ฯลฯ แล้วยังมีสินค้าประเภทเครื่องดนตรีพื้นเมือง รวมถึงเครื่องทองเหลือง เช่น แจกัน, กาน้ำชา เป็นต้น
คืนนี้เราจะพักกันที่ Urumqi
Day 3 : Urumqi – Kashgar – Apak Hoja Tomb – Kashgar Old City Grand Bazaar
จนถึงเวลาเดินทางไปยังสนามบินไปยัง Kashgar โดยสายการบิน China Southern Airline เที่ยวบินที่ CZ6805 เวลา 11.35-13.35 น.
*เที่ยวบินอาจมีการเปลี่ยนแปลง*
12.05 น.
ถึง Kashgar หรือคาสือ ชมสุสาน Apak Hoja Tomb / Tomb of Xiangfei ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมมุสลิมที่ได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดีและงดงามที่สุดในมณฑลซินเจียง ก่อสร้างในปี พ.ศ.2183 เป็นงานที่แสดงลักษณะผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมของชาวเวคเกอร์ อาหรับและ พุทธศาสนา
Kashgar Old City เดินเล่นชมเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ บ้านเรือนเก่าแบบตะวันออกกลาง เมืองเก่าคัชการ์ เป็นหมู่บ้านใหญ่ใจกลางเมืองคัชการ์ที่เกาะกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน มีเนื้อที่กินบริเวณกว้างขวางมาก และบ้านแต่และหลังก็สร้างตามวัฒนธรรมผสมระหว่างชาวฮั่น และชาวอุยกูร์ บ้านส่วนใหญ่จะสร้างด้วยอิฐและไม้ผสมกัน มีซอกซอยถนนหนทางเชื่อมต่อกันไปมาเหมือนใยแมงมุม
ถนนสายหัตถกรรมชาวคัชการ์ The Great Bazaar เป็นถนนสายเดียวที่ชาวคัชการ์ เรียกว่าถนนช่าง หมายถึงว่า เป็นถนนที่รวมของช่างสิบหมู่ที่มีชื่อเสียงของที่นี่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นถนนที่มีสีสรรที่สุดในเมืองคัชการ์ และเป็นบาซาร์ที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลซินเจียง
คืนนี้เราจะพักกันที่ Kashgar
Day 4 : Id Kah Mosque – Bulongkol Lake – Karakul Lake
Stone Fort – Tashkorgan
หลังอาหารเช้าชม Id Kah Mosque ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมทั่วทั้งมณฑลซินเจียง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองคัชการ์ เป็นมัสยิดที่มีขนาดใหย่ที่สุดในประเทศจีน มีขนาดพื้นที่ประมาณ 16,800 ตารางเมตร สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1442 โดย Shakesimierzha ผู้ปกครองคัชการ์ แรกเริ่มสร้างขึ้นเพื่อเซ่นสรวงดวงวิญญาณของบรรพบุรุษในยุคต่อมาได้มีการก่อสร้างขยายใหญ่ขึ้น เพื่อใช้มัสยิดสำหรับประกอบพิธีกรรมของชาวคัชการ์ มัสยิดอิคคาห์สร้างด้วยอิฐสีเหลืองประตูทางเข้ามีความสูงถึง ๑๒ เมตร สองข้างมีหอขานละหมาดสูง ๑๘ เมตร ประดับกระเบื้องโมเสกหลากสีสันเป็นลวดลายเราขาคณิตอย่างงดงาม ผสานกับลวดลายปูนปั้นเป็นพรรณพฤกษาต่างๆนานา
ชมทะเลสาบ Bulongkol Lake หรือเรียกว่า Corner Lakeทะเลสาบบนเนินเขาที่ปกคลุมด้วยทะเลทราย มีโครงการที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เป็นอ่างเก็บน้ำมาใช้เป็นพลังงาน
ชมทะเลสาบคาราคูล Karakul Lake เป็นทะเลสาบสีเขียวเข้ม ที่มีขุนเขาหิมะสูงเสียดฟ้า ห้อมล้อมไว้ ขุนเขาเหล่านี้จะทอดเงาลงสู่ผืนน้ำอันสงบนิ่งของทะเลสาบ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๐ ตร.กม. มีความลึก ๓๐ เมตร ในบางคราวจะเห็นกระโจมที่พักของชาวเคอกิส-ผู้เร่ร่อนอยู่บนที่ราบพามีร์กางอยู่อิงแนบผืนทะเลสาบ
ระหว่างทางแวะเที่ยวชม ป้อมหิน Stone Fort ที่มีอายุมากกว่า 2000 กว่าปี ที่เคยเป็นเมืองมาก่อน เมื่อสมัยโบราณบนเส้นทางสายไหมนี้ พ่อค้าแม่ค้าจะแวะเวียนมาพักพิงก่อนที่จะเดินทางต่อไป
เดินทางไปยังด่าน Tashkorgan เมืองชาวมุสลิมทาจิก ชมวิวระหว่างทาง อาจจะได้เห็นสัตว์ป่าของหิมาลัย เช่น ibex เลียงผา เสือดาวหิมะ เป็นต้น
คืนนี้เราจะพักกันที่ Tashkorgan
Day 5 : Tashkorgan – Sost – Khunjerab – Passu
เดินทางต่อสู่เมืองซุส (Sost) เมืองชายแดนของปากีสถาน เป็นเมืองที่มีการทำการค้าขายไปมาระหว่างชาวปากีสถานและชาวจีนที่ข้ามแดน
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่อุทยานแห่งชาติ Khunjerab เขตพรมแดนระหว่างปากีสถานและจีนที่มีความสูง 4,730 เมตร เป็นจุดที่สูงที่สุดบนคาราโครัมไฮเวย์สร้างตั้งแต่ปี 1964 โดยความร่วมมือของจีนและปากีสถาน โดยมีเทือกเขาคาราโครัมเป็นเส้นแบ่งแนวตามธรรมชาติขวางอยู่ ผ่านด่านคุนจิราบพาส ชายแดนจีน-ปากีสถาน รถจะวิ่งไต่ระดับความสูงจาก3-4000 เมตร
มุ่งหน้าเข้าไปชมทะเลสาบ Borith Lake (2,600m.) ทะเล สาบน้ำจืดสีเขียวใส มองเห็นเงาสะท้อนของยอดเขา Gulmit Tower จากนั้นอีกไม่นานจะเข้าสู่จุดเริ่มเดินเพื่อมุ่งหน้าสู่ Passu Glacier (*) ธารน้ำแข็งสีขาวขนาดใหญ่ที่จะต้องเดินเท้าเข้าไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการเข้าเดินเท้าไปกลับ
(*) ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปด้วยเพราะอากาศค่อนข้างเย็นตั้งแต่นั่งเรือในทะเลสาบ Attabad และลมค่อนข้างแรงระหว่างที่เดิน trek ไปชมธารน้ำแข็ง
(**) ควรเตรียมรองเท้าที่เหมาะสมกับการเดินบนเส้นทางแคบๆ ที่ขรุขระเต็มไปด้วยหิน
เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักที่ Passu
Day 6 : Attabat Lake – Carthedral Peak – Suspention Bridge Hunza
นำท่านล่องเรือที่ Attabat Lake ที่เพิ่งเกิดเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เหตุเพราะเกิดแผ่นดินถล่มครั้งใหญ่คาราโครัมไฮเวย์ถูกตัดขาด ดินจากภูเขาถล่มลงมาขวางกั้นแม่น้ำฮุนซ่าจนเกิดเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่มีความยาว 21 กิโลเมตรความลึก 103 เมตร (ใช้เวลาในการล่องเรือ ประมาณ 30 นาที)
มุ่งหน้าสู่หุบเขา Gojal Valley หนทางค่อนข้างแคบลัดเลาะไปตามแม่น้ำสีฟ้าเทอควอยส์ชมวิวข้างทางต่ออีกไม่ไกลจะพบกันยอดเขาสูงสัณฐานแปลกตาอย่าง Passu Cathedral หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า Passu Cones ส่วนชื่อท้องถิ่นเรียกว่า Tupopdan (6,106 m) ระหว่างทางแวะถ่ายภาพกันที่ Passu Glacier View point
พาไปชมสะพานวัดใจ Hussaini Hanging Suspension Bridge โดยเดินเท้าจากจุดจอดรถลงไปที่ตัวสะพานประมาณ 30นาที สะพานมี ระยะทางยาว 900 ฟุต มีจำนวนแผ่นไม้กว่า 400 แผ่นโดยที่แต่ละแผ่นห่างกันประมาณ 40-50 cm.
คืนนี้เราจะพักกันที่ Hunza
Day 7 : Baltit Fort – Altit Fort – Duikar
พาท่านชมบัลติทฟอร์ด (BALTIT FORT) แลนมาร์คสำคัญของหุบเขาฮุนซ่า ซึ่งเคยใช้เป็นที่อยู่ในอดีตของกลุ่มผู้ปกครองฮุนซ่า จากจุดนี้สามารถเห็นวิวรอบๆ เมืองฮุนซ่า บัลติทฟอร์ดมีอายุกว่า 700 ปี โดยได้ถูกต่อเติมส่วนต่างๆ เช่นระเบียง หน้าต่าง กำแพง เรื่อยมา ที่นี่เป็นสถาปัตยกรรมสไตล์บัลติสถานผสมผสานกับทิเบต
แวะเที่ยวชมและศึกษาประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 1,100 ปี ของวังโบราณและป้อมปราการ Altit สถานที่แห่งนี้ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage site) ตั้งอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำฮุนซา (Hunza River) ต้องเดินขึ้นเนินที่ไม่ชันนักขึ้นไป ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม บริเวณโดยรอบเป็นชุมชนโบราณอายุกว่า 400 ปี และร้านขายของที่ระลึก
ชม ตลาดการค้าพื้นเมือง ของเมืองคาริมาบัด เลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย หรือจะเลือกเดินถ่ายรูปวิถีชีวิตและบ้านเรือนก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย ได้เวลาสมควรพาคณะเข้าที่พักที่ Eagle Nest Resort เป็นรีสอร์ทที่อยู่สูงที่สุดในเมือง Karimabad สามารถมองเห็นหุบเขาเบื้องล่างได้อย่างสวยงาม รวมถึงยอดเขาต่างๆ ที่อยู่รายรอบ โดยเฉพาะ เลดี้ฟิงเกอร์ ซึ่งมาจากรูปทรงที่เหมือนนิ้วของหญิงสาว
มุ่งหน้ากลับเข้าสู่ตัวเมือง Karimabad ซึ่งเป็นเมืองหลักของเขต Hunza นั่งรถต่อไปอีกประมาณ 30 นาทีแต่เป็นการไต่ระดับขึ้นสู่ Duikar ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง (2,850m.) เพื่อเข้าที่พัก
พักผ่อนตามอัธยาศัย และสามารถเดินไปยังเนินเขาใกล้ๆ ที่พักซึ่งใช้เวลาเดินขึ้นไปประมาณ 20 นาทีเท่านั้น ณ จุดชมวิวแห่งนี้สามารถมองเห็น Ganish Valley ได้ทั้งเมือง รอบตัวเป็นยอดเขาหิมะ เช่น Rakaposhi (7,788m.), Golden peak (7,027m.), Lady Finger (6,000m.), Ultar Sar (7,388m.) เรียกได้ว่า ที่นี่คือ Roof of Hunza เลย
คืนนี้เราจะพักกันที่ Duikar
Day 8 : Hunza – Gahkuch – Gupis
เดินทางต่อสู่ เมืองกิลกิต (Gilgit) ระหว่างทางแวะจุดชมวิวราคาโปชิ (Rakaposhi View Point) ยอดเขาที่มีความสูง 7,788 เมตร สูงเป็นอันดับ 11 จากยอดเขาสูงทั้งหมดของปากีสถานจากนั้นเดินทางต่อสู่หมู่บ้านฮุนซ่า
จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง Garkuch เมืองหลวงของ Ghizer ที่เป็นศูนย์รวมการค้า และการสัญจรในเส้นทางหลักที่มุ่งสู่เมือง Gupis
ออกเดินทางไปสู่ Khalti Lake ทะเลสาบที่มีความใสราวกับกระจก ในยามที่ลมสงบ จะสามารถมองเห็นภาพสะท้อนน้ำเป็นวิวที่สวยงาม
เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พักที่ Gupis
Day 9 : Gupis – Gilgit – Raikot- Fairy Meadows
ออกเดินทางสู่ Fairy Meadows ถึงจุดเปลี่ยนรถที่ Raikot Bridge เราจะใช้รถจิ๊บนั่งคันละ 4-5 คน นั่งประมาณ 1 ชั่วโมง ครึ่ง สู่จุดเริ่มต้นเดินเทรค Fairy Meadows
นำท่านเดิน Trek ประมาณ 6.5 กม. สู่ Fairy Meadows ใช้เวลาประมาณ 2.5 – 3.5 ชั่วโมง หรือจะใช้ล่อก็ได้ ทางเดินเป็นเนินสลับทางราบ วิวระหว่างทางเป็นลักษณะป่าสน สลับกับลำธารที่ไหลมาจาก Nanga Parbat Glacier บ่ายคล้อยชมวิวรอบๆ Fairy Meadows วิวทุ่งหญ้า พร้อมชมยอดเขา Nanga Parbat ในบรรยากาศสบายๆ
ชมยอด Nangar Parbat จุดชมวิวยอดเขาสูงสุดอันดับ 9 ของโลก ที่สูงถึง 8,126 เมตร เป็นยอดเขาที่อยู่ในเทือกเขาหิมาลัย และสูงเป็นอันดับ 2 ของปากีสถาน เป็นรองเพียงยอด K2
คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Fairy Meadows
Day 10 : Fairy Meadows – Chilas
หลังรับประทานอาหารเช้า เดินเล่น ชมวิวยามเช้าที่ทุ่งหญ้าแห่ง Fairy Meadows เก็บภาพความประทับใจของธานน้ำแข็ง และยอด Nangar Parbat จนพอใจ
จากนั้นเดินทางสู่เมือง Chillas เมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม ณ จุดเลาะเลียบแม่น้ำฮุนซาทางตอนเหนือและแม่น้ำสินธุ เมืองชีลาสแห่งนี้มีการค้นพบหลักฐานกว่า 20,000 ชิ้น เกี่ยวกับงานศิลปะภาพเขียนโบราณบนโขดหิน
คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Chillas
Day 11 : Chilas – Mansehra
หลังอาหารเช้า เดินทางไกลเพื่อไปยังเมือง Mansehara เมืองหลวงทางตะวันออก ตั้งอยู่ในจังหวัด Khyber Pakhtunkhwa ของปากีสถาน จัดเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดนี้
คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Mansehra
Day 12 : Mansehra – Taxila – Faisal – Bangkok
ออกเดินทางสู่ เมืองหลวงอิสลามาบัด (Islamabad) เป็นเมืองหลวงของปากีสถานแห่งใหม่ ที่ย้ายมาจากเมืองการาจีที่อยู่ทางตอนใต้ เมืองอิสลามาบัดตั้งอยู่บนที่ราบสูงโปโตฮาร์ (Potohar) บริเวณเทือกเขามาร์กัลลา (Margalla Hills) ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ชื่อ อิสลามาบัด หมายถึง ที่อยู่ของชาวมุสลิม
นำชมพิพิธภัณฑ์ตักศิลา (Taxila Museum) สถานที่จัดแสดงพุทธประติมากรรมล้ำค่า อาธิเช่น พุทธศิลป์แบบกรีก จิตรกรรม ประติมากรรม เหรียญกษาปณ์ เครื่องปั้นดินเผา และงานศิลปะอื่น ๆ นำชมโบราณสถานมหาวิทยาลัยทางพุทธศาสนาสองแห่ง มหาวิทยาลัยจูเลียนและโมห์รา
จากนั้นนำท่านถ่ายภาพที่มัสยิด Faisal Mosque เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอิสลามาบัด สร้างเสร็จในปี 1986 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี ลักษณะคล้ายเต็นท์กลางทะเลทราย
เดินทางสู่สนามบิน Islamabad เดินทางกลับประเทศไทยด้วยสายการบิน Thai เที่ยวบิน TG350 เวลา 23.30 น.
Day 13 : Bangkok
06.15 น.
เดินทางถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
ดูรูปรีวิวทัวร์ปากีสถานที่ทีมงานเราจัด >>> https://www.painaima.com/trip-review/pakistan/
ดูรูปสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://500px.com/search?q=pakistan&type=photos&sort=relevance