ทัวร์ไอร์แลนด์
Day 1 : Bangkok
22.00 น. พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 4 แถว H/J เคาน์เตอร์สายการบิน Thai Airways มีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ท่าน
Day 2 : London – Belfast – City tour
00.55 น. ออกเดินทางสู่ London โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG910
07.15 น.
เดินทางถึงลอนดอน จากนั้นเดินทางต่อสู่เมือง Belfast City โดยสายการบิน Aer Lingus Airlines เที่ยวบินที่ EI931 (11.05-12.25 น.)
12.25 น.
เดินทางถึงสนามบิน Belfast City ไอร์แลนด์เหนือ ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นนำท่านเดินทางไปพักผ่อนที่โรงแรม
นำท่านเดินทางไปยังเมือง Belfast เมืองแห่งท่าเรือ เก็บภาพกับไฮไลท์กับ Titanic Museum เรื่องราวโศกนาฏกรรมอันก้องโลกภายในมีการนำเสนอเรื่องราวของเมืองเบลฟาสต์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงความเป็นจิตวิญญาณแห่งแรงงาน การท่า และการต่อเรือ โดยสร้างความภูมิใจสูงสุดแห่งยุคให้กับเมืองๆนี้ ด้วยการสร้างเรือที่ไม่มีวันจมอย่าง “ไททานิก” ชม The Big Fish เป็นรูปปั้นปลาที่ปิดด้วย Ceramic Mosaic
พาท่านไปเดินเล่นย่าน St. George Market มีสินค้าหลากหลายทั้งงานฝีมือ อาหาร เครื่องดื่ม ร้านบูติก ฯลฯ จากนั้นชม Belfast City Hall ศาลาว่าการเมืองเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของที่นี่
เดินไปชม Belfast Cathedral กันต่อ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1899 แต่มาสิ้นสุดที่ปี 1981 ในด้านทิศใต้ของโบสถ์เป็นหลุมฝังศพของวีรบุรุษสหภาพแรงงาน Sir Edward Carson โบสถ์นี้มีแก้วสีโมเสคประมาณ 150,000 ชิ้น
เดินชมกำแพงสันติภาพ Peace Wall เริ่มก่อสร้างกำแพงสันติภาพแห่งแรกขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 อันเป็นช่วงแรกที่ได้เริ่มมีเหตุรุนแรงระหว่างกองกำลังประชาชนฝ่ายโปรเตสแตนต์กับฝ่ายคาทอลิกที่ได้รับขนานนามว่า The Trobles ในระยะแรกมีไม่กี่กำแพงแล้วเพิ่มเป็น 18 กำแพงในทศวรรษที่ 1990 และเพิ่มจำนวนต่อมาอย่างรวดเร็ว ส่วนประกอบของกำแพงมีทั้งอิฐ เหล็ก และเหล็กกล้า บางแห่งยังมีตาข่ายเหล็กหรือลวดหนามเสริมขึ้นไปเหนือขอบกำแพงอีกด้วย
เก็บภาพกับไฮไลท์ของชนบทกับ The Dark Hedges หรือ อุโมงค์ต้นบีชอายุราว 200 ปี
จากนั้นชม Carrick-a-Rede Rope Bridge หรือสะพานเชือก เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เป็นจุดชมวิวชายฝั่งทะเลได้เป็นอย่างดี ซึ่งแต่เดิมนั้นชาวประมงได้สร้างสะพานเชือกแห่งนี้เพื่อใช้เป็นทางข้ามช่องแคบที่มีความลึกประมาณ 30 เมตร และมีความกว้างประมาณ 20 เมตร ไปยังเกาะคาร์ ริก-อะ-รีด (Carrick a-Rede Island) เพื่อตรวจดูแหดักปลาแซลมอนเท่านั้น ในปัจจุบันสะพานเชือก คาร์ริก-อะ-รีด ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาที่นี่เพื่อประลองความกล้าในการข้ามสะพานแห่งมากถึง 247,000 คนต่อปี และในปัจจุบันสะพานได้เปิดให้บริการตลอดทั้งปีอีกด้วย
ชม Giant’s Causeway ซึ่งเป็นหินทรงหกเหลี่ยมที่เรียงตัวกันราวแท่งดินสอ ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติล้วนๆ ตั้งอยู่ที่เกาะไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งจัดอยู่ใน 1 ใน 100 สถานที่ที่สวยที่สุดในโลกอีกด้วย Giant’s Causeway นั้นประกอบด้วยเสาหินบะซอลต์กว่า 40,000 แท่ง ขนาดเสากว้างเฉลี่ย 46 ซม. สูงประมาณ 1-2 ม. เกิดจากการเย็นตัวลงของลาวาเมื่อประมาณ 50,000 – 60,000 ปีที่แล้ว
เมือง Portrush ชม Dunluce Castle ซึ่งเป็นปราสาทยุคกลาง ตอนนี้จะเห็นแค่ปรักหักพัง ตั้งอยู่บนขอบของหินบะซอลต์ ใน County Artrim
คืนนี้เราจะพักกันที่ Bushmills
Day 3 : Bushmills – Londonderry – Sligo
ชมชายหาด Downhill Beach ซึ่งยาวกว่า 11 กิโลเมตรนี้นั้นเป็นที่รู้จักในฐานะที่ตั้งของวัด The Mussenden Temple ทั้งชายหาด และภายนอกของวัดนั้นถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำของ Dragonstone ซึ่งเป็นสถานที่ที่ Stannis Braratheon ดึงดาบ Lightbringer ออกมา และทาง Melisandre ก็ได้ประกาศว่า Stannis คือ Azhor Ahai (ฮีโร่ที่ตีดาบ Lightbringer ขึ้นมา) กลับชาติมาเกิด
เดินชมโบสถ์ St. Columb Cathedral และ เสา War Memorial tower
นำท่านไปยังเมือง Londonderry ชม The Guildhall ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Derry ในเขต Northern Ireland, UK ห่างจากพรมแดน Republic of Ireland บริเวณ Co. Donegal เพียงประมาณ 7 กม. The Guildhall ตั้งอยู่บริเวณริมเขตกำแพงเมืองเก่า อาคารหินทรายสีแดงสไตล์นีโอโกธิคและทิวดอร์ (Tudor) นี้ ถูกสร้างขึ้นในปี 1887 โดยกลุ่ม The Honorable The Irish Society เพื่อเป็นที่ใช้การของเมือง The Guildhall ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรมและการตกแต่งด้วยกระจกสีสวยงาม ช่วงปี 2012 – 2013 อาคารได้ถูกปิดลงเพื่อทำการบูรณะทั้งภายในและภายนอก
ชมบริเวณ Mullaghmore Head เห็นหาดลักษณะเป็นหินแผ่นใหญ่เอียงรับคลื่นจากมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีฉากหลังเป็น Benbulben Mountain เห็นอยู่ไกลๆ
นำท่านไปยังเมือง Sligo ชม Benbulben Mountain อยู่ทางทิศเหนือของ Sligo Town โดยห่างออกมาประมาณ 16 กม. เป็นภูเขาที่โดดเด่นที่สุดของไอร์แลนด์ บางครั้งถูกเรียกว่า Table Mountain เนื่องจากมียอดเรียบแบนและด้านข้างตัดตรงลักษณะคล้ายโต๊ะ ด้านบนของภูเขามีลักษณะเฉพาะคือมีลักษณะเป็นร่องคลื่นที่ถูกกัด เซาะของหินปูนและหินดินดานคล้ายกลีบของผ้าปูโต๊ะ ระหว่างทาง ชม Killary fjord
Kylemore Abbey Kylemore Abbey ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของ Connemara บริเวณริมทะเลสาบ Pollacapall และทะเลสาบ Kylemore ตัวปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1867-1871 โดย Mitchell และ Margaret Henry คู่สามีภรรยาจากManchester ที่มาท่องเที่ยวฮันนีมูนที่นี่ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Connemara เป็นจุดหมายที่นิยมในการมาล่าสัตว์และตกปลา Mitchell และ Margaret หลงใหลในทัศนียภาพอันงดงามของ Connemara และปรารถนาจะมีบ้านที่นี่ ในช่วงการฮันนีมูนทั้งสองได้เช่า Kylemore Lodge เป็นที่พัก ซึ่งอาคารดั้งเดิมอยู่จุดเดียวกับที่เป็นปราสาท ณ ปัจจุบัน
คืนนี้พักที่ เมือง Sligo
Day 4 : Clifden – Galway – Doolin
ชม Galway Cathedral ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Corrib ใจกลางเมือง Galway ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายของยุค 1950 โดยนับเป็นมหาวิหารที่สร้างจากหินที่ใหม่ที่สุดของยุโรปสร้างแล้วเสร็จและถูกเปิดใช้งานในปี 1965 ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ Our Lady Assumed into Heaven และ St. Nicholas ออกแบบโดยJ.J.Robinsonในแบบผสมผสานกันของศิลปะ Renaissance, Romanesque และ GothicGalway Cathedral มีชื่อเสียงเรื่องศิลปะการตกแต่งภายในของมหาวิหาร เช่น รูปปั้น โมเสคและกระจกสีต่างๆ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมือง Galway
ปราสาท Dunguaire Castle ซึ่งอยู่บริเวณหมู่บ้าน Kinvara บริเวณทิศใต้ของ Co. Galway ปราสาทถูกสร้างขึ้นในปี 1520 โดยตระกูล O’Hynes บนแนวหินริมอ่าว Galway ที่มีทัศนียภาพที่งดงาม ปราสาทแบบ Tower House นี้ได้ถูกซื้อขายเปลี่ยนมือไปตามกาลเวลาจนถึงปี 1924 ปราสาทได้ถูกซื้อโดย Oliver St. John Gogarty หมอผ่าตัดและนักเขียนผู้โด่งดัง ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงฟื้นฟูของวรรณกรรมไอริช ต่อมาในปี 1954 ปราสาทถูกเปลี่ยนมือเป็นของ Christobel Lady Amptill ผู้ซึ่งซ่อมแซมปราสาทต่อจาก Oliver St. John Gogarty จนเสร็จสมบูรณ์ ภายหลังปราสาทได้ตกเป็นทรัพย์สินของ Shannon Development
ชมหมู่บ้านชาวประมง Kinvara ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่สวยงามแปลกตา และขึ้นชื่อในเรื่องเพลงไอริช หมู่บ้านชาวประมงอันเงียบสงบนี้มีชายหาดที่มีหินขรุขระ และมีปราสาทยุคกลางที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ สามารถมองเห็นทัศนียภาพที่น่าทึ่งของอ่าว Galway และทุ่งหญ้าเขียวขจีในชนบท ในหมู่บ้านนี้มีอาคารเก่าแก่ที่แปลกตา ทำให้ดูมีเสน่ห์
จากนั้นนำท่านไปยัง The Burren National Park ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของThe Burren หมายถึงสถานที่ที่เป็นหิน สถานที่นี้เป็นที่รวบรวมและแสดงพันธุ์ไม้ หิน และสิ่งมีชีวิตต่างๆที่อาศัยอยู่ใน The Burren
เยี่ยมชมหอคอย O’Brien’s Tower พร้อมชมวิดีโอแบบ Interactive ที่ Visitor’s Center และเดินเล่นบนคลิฟบอร์ดโดยชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลและหมู่เกาะอารัน
Clift of Moher หน้าผาที่ตั้งตระหง่านริมมหาสมุทรแอตแลนติกอายุกว่า 350 ล้านปี เป็นสถานที่ที่ได้รับการโหวตว่าเป็นที่เที่ยวที่น่าสนใจที่สุดใน ไอร์แลนด์ เป็นที่อาศัยของสัตว์ป่ารวมถึงพันธุ์ไม้แปลกๆ และยังได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกอีกด้วย
คืนนี้เราจะพักกันที่ Doolin
Day 5 : Doolin – Dingle
ชม Adare Desmond Castle ปราสาทที่เป็นป้อมปราการ เชื่อกันว่าถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดย O’Donovans ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวจะพลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนไอร์แลนด์
Limerick City เมืองริมฝั่งแม่น้ำแชนนอน เมืองนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองแห่งวัฒนธรรม (City of Culture) และมีชื่อเสียงในฐานะสวรรค์ของคนที่หลงใหลด้านศิลปะ
ชม Ballydavid หมู่บ้านพื้นเมืองบริเวณคาบสมุทร Dingle ในปี ค.ศ. 2003 ได้ยกเลิกชื่อภาษาอังกฤษและใช้ชื่อในภาษาไอริชเป็นทางการคือ Baile na nGall ใกล้ๆกันนั้นมี ปราสาท Gallarus (Gallarus Castle) สร้างโดยอัศวินแห่ง Kerry ผู้สืบทอดราชวงศ์ Geraldine ในศตวรรษที่ 15 ปัจจุบันยังเป็นมรดกของชาวไอริชอีกด้วย
ชม King John’s Castle ตั้งอยู่ใจกลางเมือง Limerrick ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ช่วงหนึ่ง ปราสาทถูกใช้เป็นฐานทัพและศูนย์บัญชาการทางทหารสำหรับภูมิภาค Shannon ในปี ค.ศ. 1642 กลุ่มกบฏชาวไอริชที่ต่อต้านการปกครองของอังกฤษได้ทำลายปราสาทลง ปัจจุบัน King John’s Castle ได้รับการบูรณะและเปิดให้เข้าชมนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และโบราณวัตถุต่างๆตลอดปี
จากนั้นเดินทางไปยัง Slea Head จุดที่อยู่ทางตะวันตกสุดของ Dingle Peninsula โดยเส้นทางสู่ Slea Head เป็นเส้นทางที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีจุด Landmark สำคัญหลายๆจุด แวะถ่ายรูปที่แหลม Dunmore Head และ Dunquin
ชม Ballyferriter หมู่บ้านพื้นเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาไอริช ชื่อหมู่บ้านตั้งตามชื่อของชาวนอร์แมนคนหนึ่งคือ Piaras Feiritéar ถือได้ว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ในศตวรรษที่ 17 เขาถูกสังหารโดยใครคนหนึ่งที่ไม่ทราบชื่อ จากนั้นเลยเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน และยังใช้เรียกกันแค่ในพื้นที่อีกด้วย
ชมเมือง Dingle เมืองเล็กๆในเขต Dingle peninsula มีเส้นทางเลียบชายฝั่ง จะพบกับวัดเก่าแก่ และซากปรักหักพัง และโบสถ์โบราณ
คืนนี้เราจะพักกันที่ Dingle
Day 6 : Dingle – Ring of kerry
จากนั้นเดินทางไปยังเมือง Killarney เมืองที่สวยที่สุดในไอร์แลนด์และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
จากนั้นเดินทางไปยัง Waterville หมู่บ้านเล็กๆน่ารัก เป็นหมู่บ้านที่ชาร์ลี แชปลิน (Chalis Chaplin) นักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกชอบมาพักผ่อนตากอากาศ
เมือง Caherdaniel เมืองที่ตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่งของ Derrynane Bay เมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ที่ Daniel O’Connell ใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายด้วย ผ่านชม หมู่บ้าน Sneem หมู่บ้านที่มีสีสันสดใสเหมือนลูกกวาดหลากสีอยู่รวมกัน เมือง Kenmare เมืองเล็กๆที่มีชื่อหมายถึง “หัวของทะเล” หรือก็คือ Killarney Bay ขับผ่านเส้นทาง Moll’Gap ถนนสาย N71 ที่เชื่อมระหว่างเมือง Kenmare กับเมือง Killarney นั่นเอง
เดินทางไปยัง จุดชมวิว Ladies View อยู่กึ่งกลางของ Ring of Kerry หัวใจของอุทยานแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เหตุที่ได้ชื่อว่า Ladies View นั้น เป็นเพราะพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษได้เคยมาชมวิวที่จุดนี้นั่นเอง
อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นีย์ (Killarney National Park) อุทยานที่เต็มไปด้วยป่าไม้ เทือกเขา ทะเลสาบ มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 10,236 เฮกเตอร์
(ประมาณ 102.36 ตร.กม.) และยังเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวของประเทศไอร์แลนด์ที่ยังมีกวางแดงท้องถิ่นอาศัยอยู่
จากนั้นนำท่านไปยัง ปราสาทรอสส์ (Ross Castle) ในเขตอุทยานแห่งชาติคิลลาร์นีย์ปราสาทที่ทำการบูรณะจนสามารถขึ้นชมได้ทุกชั้น เว้นเสียแต่แค่ไม่มีหลังคาเท่านั้นเอง ปราสาทรอสส์ เป็นปราสาทในสมัยศตวรรษที่ 15 เป็นบ้านของบรรพบุรุษครอบครัว O’Donoghue clan
ชม โบสถ์แดเนียลโอคอร์เนล (Daniel O’Connell Memorial Church) โบสถ์ประจำเมือง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1875 เพื่อเป็นเกียรติแก่ Daniel O’Connell ผู้นำการปลดแอคคาทอลิก มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิคยุคกลาง
คืนนี้เราจะพักกันที่ Portmagee
Day 7 : Skellig Michael – Killarney
นั่งเรือชมเกาะ Skellig Michael** หากใครเป็นแฟนภาพยนตร์เรื่อง Star Wars ก็คงจะคุ้นกันไม่ใช่น้อย เพราะเกาะแห่งนี้ถูกใช้ถ่ายทำเป็นดาว Arch-To ที่ซ่อนตัวของลุค สกายวอคเกอร์นั่นเอง ปัจจุบันบนเกาะไม่มีคนอาศัยแล้ว แต่ในอดีตนั้นเชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสเตียนในช่วงศตวรรษที่ 6 มีสิ่งปลูกสร้างที่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นแหล่งชุมชนเล็กๆ อยู่สูงขึ้นไปบนภูเขา ต้องเดินขึ้นบันไดหินถึง 600 ขั้น เกาะแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียน UNESCO อีกด้วย
*ขึ้นกับสภาพอากาศ หากลมแรงเรืออาจยกเลิกได้
คืนนี้เราจะพักกันที่เมือง Killarney
Day 8 : Killarney – Cobh
นำท่านเที่ยวชม St. Mary’s Cathedral โบสถ์เก่าแก่ ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 สร้างในพื้นที่ของกษัตริย์ Donal Mor O’Brien กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์มันสเตอร์
จากนั้นนำท่านไปชม ปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle) ปราสาทหินที่ถูกสร้างโดย Cormac McCarthy กษัตริย์แห่งมันสเตอร์ในสมัยนั้น ที่ปราสาทแห่งนี้มีความเชื่อกันว่า ใครก็ตามที่ได้จูบหิน Blarney แล้วนั้น จะพูดจาฉะฉาน เป็นเจ้าแห่งการเจรจา เช่นเดียวกับ Cormac McCarthy ที่ครั้งหนึ่ง พระราชินีอลิซาเบธที่หนึ่ง ได้ส่งขุนนางไปเจรจากับ Cormac McCarthy เพื่อที่จะครอบครองปราสาท แต่พระองค์ก็มีวิธีเจรจา ปฏิเสธให้พระนางได้คล้อยตามทุกครั้งไป จนพระนางเรียกวิธีการพูดนั้นว่า “ วิธีแบบ Blarney ”
ปราสาทแบล็คร็อค (Blackrock Castle) ปราสาทที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานจากศัตรู หลังจากในยุคที่กษัตริย์อังกฤษส่งผู้แทนมายึดครองบริเวณนี้ ก็ได้คืนปราสาทให้ชาวเมืองในปี ค.ศ. 1608
จากนั้นเดินทางไปยัง เมือง Cobh นำท่านชม มหาวิหารเซนท์โคลมาน (St. Colman’s Cathedral) หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อโบสถ์แห่งโคฟ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1868 สไตล์กอธิค สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมหาวิหารแห่งนี้คือกระดิ่งที่ประดับรอบทั้ง 49 ใบ
พักกันที่เมือง Cobh ทัวร์ไอร์แลนด์
Day 9 : Cobh – Dublin
ร็อค ออฟ คาเชล (Rock of Cashel) หนึ่งในโบราณสถานที่สำคัญของไอร์แลนด์ เคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งมันสเตอร์ จนในปี ค.ศ. 1101 Muirchertach Ua Briain กษัตริย์แห่งมันสเตอร์ก็ได้บริจาคโบสถ์แห่งนี้ให้กับคริสตจักร
จากนั้นนำท่านไปยัง Thomastown เมืองในเขต Kilkenny ชม โบสถ์เจอร์พอยต์ (Jerpoint Abbey) ศาสนสถานที่สวยที่สุดในไอร์แลนด์ แต่เดิมเป็นที่พำนักอาศัยของพระกลุ่มคริสเตียน
นำชม โบสถ์เซนท์คานิซ (St.Canice’s Cathedral) ศาสนสถานสำคัญในเมืองคิลเคนนีย์ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 ด้านข้างเป็นหอคอยทรงกลม สูงประมาณ 30 เมตร สามารถปีนเข้าไปด้านใน(ค่าเข้าชม 3 ยูโร) เป็นโบสถ์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองมาจากโบสถ์เซนท์แพททริคในเมืองดับลิน
ปราสาทคิลเคนนีย์ (Kilkenny Castle) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1195 ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์สำคัญริมฝั่งแม่น้ำ Nore แต่เดิมได้ถูกสร้างด้วยไม้ โดย Richard de Clare หรือที่รู้จักกันในนามสตรองโบว์(Strongbow) และเหล่าอัศวิน 20 ปีต่อมา ทายาทรุ่นสองอย่าง William Marshal ก็ได้ทำการบูรณะใหม่โดยนำหินมาสร้างปราสาท
จากนั้นเดินทางไปยังเมือง Dublin เมืองหลวงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตก มีแม่น้ำลิฟฟีย์ (River Liffey) ไหลผ่านกลางเมือง เป็นศูนย์กลางของการศึกษา ศิลปะ วัฒนธรรม และอุตสาหกรรม นักท่องเที่ยวที่มาเมืองดับลิน จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวไอริช ทั้งความหรูหราในปราสาทของชนชั้นสูง ศาสนสถานอันเลื่องชื่อ วิทยาลัยเก่าแก่และมีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของโลก ชมทิวทัศน์บนสะพานที่แสนจะโรแมนติก และจิบเบียร์พร้อมเดินชมย่านถนนคนเดินที่คึกคักในยามค่ำคืน
จากนั้นเดินทาง ชม The Guinness Storehouse โรงงานผลิตเบียร์ดำที่มีชื่อเสียงที่สุดในไอร์แลนด์และของโลกมากกว่า 200 ปี
พักกันที่ Dublin ทัวร์ไอร์แลนด์
Day 10 : Dublin – London – Bangkok
จากนั้นชมมหาวิหารเซนต์แพทริค (St.Patrick’s Cathedral) ซึ่งเดิมเป็นโบสถ์ไม้ สร้างขึ้นในปี 1191 และได้รับการขนานนามให้เป็นมหาวิหารในปี 1224 มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เซ็นต์แพททริค ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ได้กลายมาเป็นมหาวิหารแห่งชาติของไอร์แลนด์
ไปชม The Custom House ในดับลิน เป็นอาคารสมัยศตวรรษที่ 18 แบบนีโอคลาสสิกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรมสิ่งแวดล้อมมรดกและรัฐบาลท้องถิ่น
17.00 น. ทัวร์ไอร์แลนด์
เดินทางกลับลอนดอน โดยสายการบิน Aer Lingus Airlines เที่ยวบินที่ EI176 (17.00-18.25 น.)
21.25 น. ทัวร์ไอร์แลนด์
เดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ TG917
Day 11 : Bangkok
15.00 น.
เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ
ดูรูปสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://500px.com/search?q=ireland&type=photos&sort=relevance