ทัวร์เลห์ ลาดัก
ทัวร์เลห์ ลาดัก 2020
เส้นทางเที่ยวสุดฮิตในอินเดีย
Day 1 : Bangkok – Dehli – Leh palace – Shanti Stupa – Leh
01.50 น. พบกันที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์สายการบิน Spicejet
*มาสนามบินคืนก่อนหน้าวันที่ระบุในโปรแกรม
03.50 น. ออกเดินทางด้วยสายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG88
06.25น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิราคานธี เมืองนิวเดลี รับสัมภาระจากนั้นรอเวลาเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังเลห์
11.30 น. ถึง Leh เมืองหลวงของอาณาจักรลาดักห์แห่งเทือกเขาหิมาลัย เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย อยู่ที่ความสูง 3,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ศูนย์กลางการค้าที่ระหว่างลุ่มแม่น้ำสินธุ ทิเบต แคชเมียร์ รวมถึงจีนมาร่วมศตวรรษ สินค้าสำคัญในขณะนั้นคือ เกลือ เมล็ดข้าว ขนสัตว์ ผ้าไหม เป็นต้น ชาวลาดักห์ประกอบไปด้วย คนเชื้อสายอินโด-อารยัน และเชื้อสายทิเบต เป็นเขตที่มีประชากรเบาบางที่สุดในเขตแคชเมียร์ นับถือศาสนาพุทธนิกายมหายานแบบทิเบตเป็นหลัก
Leh Palace พระราชวังที่เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ผู้ครองนคร สร้างเมื่อ ศตวรรษที่ 16 หรือเกือบ 500 ปีมาแล้ว ตั้งโดดเด่นอยู่กลางเมืองเลห์ สูง 9 ชั้น มีลักษณะรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียง กับพระราชวังโปตาลาในทิเบตคือมีผนังเอียงเข้าหากันทุกด้าน
Shanti Stupa เจดีย์สีขาว สร้างขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นเพื่อประกาศพระศาสนาและแสดงถึงสันติภาพแห่งโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาในแถบจังสปา อยู่ไม่ไกลเมืองเลห์เท่าไร จากเจดีย์เราสามารถมองเห็นเมืองเลห์ได้ในมุมสูง
คืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองเลห์
Day 2 : Leh – Lamayuru – moonland – likir – Alchi Monastery Leh
Lamayuru วิถีชีวิตและวัฒนธรรมเก่าแก่ มีเรื่องเล่าในตำนานว่า บริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้เคยเป็นทะเลสาบอันกว้างใหญ่ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของพญานาคมีคำทำนายระบุไว้ว่า บริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้จะเป็นสถานที่ๆพระพุทธศาสนาจะเจริญสูงสุด และในปัจจุบัน วัดลามายูรู ก็เป็นสถานที่ๆ ผู้ที่ต้องการศึกษาพระธรรมคำสอน เดินทางมาหาความสงบ ศึกษาพระธรรม และปฎิบัติธรรมกันเป็นจำนวนมาก เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ๆ ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนดินแดนพุทธธิเบตแห่งนี้
Moonland แวะพักถ่ายรูปกันที่ moonland อันเป็นทัศนียภาพอันแปลกตาเหมือนเราอยู่บนพระจันทร์
likir gompa จุดชมวิวที่น่าสนใจอีกจุดบนเส้นทางนี้ เป็นวัดนี้มีพระพุทธรูปพระศรีอาริยเมตไตรย์ขนาดใหญ่ ที่ฉากหลังเทือกเขารายล้อม กอปรกับทิวทัศน์ระหว่างทางไปสู่วัดที่เป็นถนนผ้าพับบนไหล่เขา ชมรูปปั้น พระโพธิสัตว์ Sakyamuni , Maitreya และ Tsong Khapa รวมถึงภาพวาดหายากที่ริมระเบียงวัด
Alchi กลุ่มอนุสรณ์สถานและอารามที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเขต ลาดักห์ มีอายุยาวนาน กว่า 1000 ปี มีวัดสำคัญสองแห่งในเขตนี้ คือ Lakhang Soma และ Lotsabha Lakhang ที่ตบแต่งด้วยงานไม้แกะสลักผีมือเยี่ยม รวมถึงจิตกรรมฝาผนังที่สวยงามที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณแห่งกษัตริย์ฮินดูและกษัตริย์แห่งแคชเมียในกาลเวลาที่ผ่านพ้นไป
คืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองเลห์
Day 3 : Leh- Thiksey – Shey Palace – Hemis – Leh
Thiksey ที่นี่มีสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงกับวังโปตาลาในธิเบต จึงได้ชื่อว่าเป็นทิเบตน้อยเเป็นวัดในนิกายหมวกเหลือง หรือ นิกายเกลุกปะ อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเชย์ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย์ซึ่งมีความสูงเท่าอาคารสองชั้น หากเวลาเหมาะสมจะได้ชมพิธีทำวัดเช้าของลามะที่ประจำอยู่ที่วัดนี้
Shey Palace สร้างเป็นวังฤดูร้อน เนื่องจากในสมัยก่อนเมือง shey เป็นเมืองหลวงในช่วงฤดูร้อนของอาณาจักรลาดักห์ สร้างโดยกษัตริย์ Deldan Namgyal เพื่อ ระลึกถึงผู้เป็นพระบิดา Singge Namgyal กำแพงพระราชวังถูกฉาบด้วยทองคำผสมทองแดง ภายในมีรูปปั้นของพระศากยมุณี ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้
Hemis วัดเฮมิสเป็นวัดทิเบตนิกายหมวกแดง อายุ 450 ปี เป็นวัดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองลาดัคห์ สร้างขึ้นเมื่อพุทธศตวรรษที่ 17 โดย King Sengge Namgyal ผู้สร้างพระราชวังเลห์ เป็นที่เก็บ ทังก้า (Tangka) พระปทุมสมภพอายุมากกว่า 300 ปี อันสมบัติลํ้าค่าของชาวลาดักห์ ผู้ที่มีศรัทธาในพุทธศาสนานิกายตันตระยาน
คืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองเลห์
Day 4 : Leh – Khardung la pass – Diskit – Hundra Desert
Camel Ride – Nubra
Khardung la pass จุดที่สูงที่สุดของถนนสายเลห์-นูบร้า มีความสูงราว 5,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล สามารถเห็นแนวเขาคาราโครัม แห่งปากีสถาน ที่มีหิมะปกคลุมนูบร้าวัลเลย์ ซึ่งเส้นทางช่วงนี้ ถนนที่เราผ่านจะคู่ขนานไปกับแม่น้ำ จนถึงหุบเขานูบร้าได้ชื่นชมความงามความสดชื่นตลอดเส้นทาง
Diskit วัดเก่าแก่ และใหญ่ที่สุดในแถบนูบร้าวัลเล่ย์ สร้างในปี 1420 มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เห็นโดดเด่นอยู่ด้านหน้าวัด และเป็นจุดชมวิวที่ดีอีกจุดหนึ่งที่สามารถเห็นหมู่บ้านดิสกิตและหมู่บ้านฮุนเดอร์ที่อยู่ทางซ้ายมือที่ไกลออกไปได้ จากนั้นออกเดินทางกลับเส้นทางเดิมมุ่งหน้าสู่เมืองเลห์
Hundra desert ทะเลทรายฮุนด้า (Hunder Sandune) ทะเลทรายสีขาว เมื่อมองไปสุดลูกหูลูกตาจะเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมพร้อมเนินทรายอยู่ข้างหน้า
Camel ride ขี่อูฐสองหนอกชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามที่ทะเลทรายฮุนด้า
คืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองนูบร้า
Day 5 : Nubra – Pangong
Nubra Valley ที่อยู่ทางตอนเหนือของเลห์ เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์และมีแม่น้ำชย็อก (Shayok river) ไหลผ่าน มีอากาศอบอุ่นกว่าเลห์ และมีความสูงที่ต่ำกว่าเลห์ ทำให้อากาศสบายๆ และเหมาะแก่การปลูกผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล แอปปลิคอตช่วงกรกฎาคม – สิงหาคม ทุ่งดอกไม้สองข้างทางจะเต็มไปด้วยดอกไม้
Pangong Tso เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่สูงที่สุดในโลก คือมีความสูงถึง 4320 เมตร จากระดับน้ำทะเล น้ำในทะเลสาบแห่งนี้มีสีสันที่งดงามมาก โดยเฉพาะในช่วงเย็นน้ำจะมีสีน้ำเงินเข้ม และจะเปลี่ยนสีไปเรื่อยตามมุมของดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงกระทบผืนน้ำ
คืนนี้พักผ่อนกันที่ Pangong
Day 6 : Pangong Lake – Spituk – Leh – Shopping
Spituk Gompa เป็นสถานที่เคารพและบูชาของชาวพุทธมาหลายศตวรรษ สามารถชื่นชม วิวทิวทัศน์ พื้นที่กสิกรรม ลุ่มน้ำสินธุของ เมืองเลห์ และ ที่ราบลุ่มแม่น้ำสินธุ ที่ไหลผ่านเมืองเลห์ได้อย่างงดงาม
Main Bazaar ร้านค้าที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาซื้อของที่ระลึกจากทิเบต งานฝีมือโบราณ ผ้าขนสัตว์และเครื่องประดับต่างๆมากมายของชาวพื้นเมือง
คืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองเลห์
Day 7 : Leh – Delhi
10.00 น.
เชคอินเคาน์เตอร์สายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG124 (12.00-13.30) แวะเปลี่ยนเครื่องที่เดลี แล้วเดินทางต่อสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน Spicejet เที่ยวบินที่ SG89 (16.05-21.40)
21.40 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจคืนนี้พักผ่อนกันที่ เมืองเลห์
โปรแกรมอื่นๆ >> https://www.painaima.com/tag/india/
ชมรูปภาพสวยๆ ได้ที่นี่ >> https://500px.com/search?q=leh&type=photos&sort=relevance