ทัวร์โพรวองซ์ ฝรั่งเศส
Day 1 : Bangkok – Milan
(สายการบินแนะนำ) ทัวร์โพรวองซ์ ฝรั่งเศส
สายการบินไทย เที่ยวบิน TG940 เส้นทาง BKK-MXP เที่ยวเวลา 00.40 น.
Day 2 : Eze Village – Nice – Saint Paul de Vence – Cours Saleya Flower Market – Basilica Notre Dame
07.35 น. เดินทางถึงมิลาน ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระแล้ว จากนั้นเดินทางสู่ หมู่บ้านเอช (Eze Village) หมู่บ้านโบราณตั้งอยู่ริมชายฝั่งริเวียร่าทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนใต้ของฝรังเศส เมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างเมือง นีช และ โมนาโค บริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่ของคนป่า เมื่อ 2 พันกว่าปีก่อน หรือ 220 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมาชาวโรมันได้เข้ามารุกรานและได้สร้างป้อมปราการบนเขา เพื่อส่องมองผู้บุกรุก ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ตัวเรือนสร้างจากหินภูเขา ตัดกับสีเขียวของต้นมะกอกที่ปลูกอยู่ทั่วหมู่บ้าน และมีฉากหลังเป็นทะเลสีคราม
จากนั้น เดินทางสู่ เมืองนีซ ที่มีขนาดใหญ่ เป็นอันดับ 5 ของประเทศฝรั่งเศส ในแคว้นที่ชื่อว่า โพรวองซ์-แอลป์-โกต-ดาซูร์ ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีชายหาดหินที่สวยงาม เมืองแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นเมืองชั้นนำของรีสอร์ทแถบเฟรนช์ริเวียรา มีความสำคัญคือ เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส โดยจะพาทุกท่านเลาะเลียบทะเลลิกูเรียนรับลมเย็นๆชมความงามริมฝั่งทะเล
พาท่าน เยือนหมู่บ้านเซนต์ปอลเดอวองซ์ เมืองโบราณที่สร้างด้วยหิน ล้อมรอบด้วยกำแพงเมือง โดยตั้งอยู่บนเนินสูง ที่มองเห็นชายหาดริเวียร่า ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์อันจับใจของทัศนียภาพ เป็นแรงบันดาลใจให้เหล่าศิลปินหลั่งไหล มาพำนัก ณ ดินแดนแห่งนี้ ดังจะเห็นได้จากรอยจารึกชื่อ หรือผลงานของศิลปินอันโดดเด่นไม่ว่าจะเป็นภาพเขียน,รูปปั้นแกะสลัก
อิสระให้เดินเล่นในตรอกแคบๆ ของหมู่บ้านมีร้านขายงานศิลปะ และของที่ระลึก เรียงรายงดงามราวกับภาพวาด ฝรั่งเศส
พาท่านเดินเที่ยวชม ตลาด Cours Saleya Flower Market เป็นตลาดที่มีชื่อเสียงของเมือง ให้ท่านได้เห็นบรรยากาศสีสันของผักผลไม้สดๆที่น่ารับประทาน และสีสันของดอกไม้สวยๆ โพรวองซ์ ฝรั่งเศส
จากนั้นพาท่านไปถ่ายรูปกับ Basilica Notre Dame ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนีซ เป็นสถานที่ที่เก่าแก่ของโครงสร้างศาสนาสมัยใหม่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองของย่านเมืองใหม่ หลังจาก Comte de Nice กลายเป็นส่วนหนึ่งของฝรั่งเศส ทัวร์โพรวองซ์ ฝรั่งเศส
จากนั้นเข้าพักที่เมือง Nice
Day 3 : Cassis – Calanque de Portmiou – Marseille – Basilique Notre-Dame de la Gard – Vieux-Port – Aix-on-Provance
เดินทางสู่ เมืองคัสซิส ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. เยี่ยมชม คัสซิส ( Cassis ) ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลกันมาเยี่ยมชมท่าเรือเล็กๆ และชมสีสันของบ้านเรือนตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองนี้
จากนั้นพาท่านไปถ่ายรูปกับวิวสวยๆ บนจุดชมวิว Calanque de Portmiou ซึ่งเป็นท่าจอดเรือยอร์ชในโตรกเขาริมทะเลที่สวยงาม
ชม เมือง มาร์เซย์ (Marseille) เที่ยวชม มหาวิหาร โนเทรอะดาม เดอ ลาการ์ด(Basilique Notre-Dame de la Garde) อันเป็นที่สักการะของชาวมาร์เซย์และ ชาวเรือมายาวนาน เนื่องจาก มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองลงมาแล้วเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม
ต่อจากนั้นพาท่านเดินชม ท่าเรือเก่า (Old Port) หรือ Vieux – Port อันเป็นสถานที่ที่เราจะได้ซึมซับกลิ่นอายของเมืองเก่าและสัมผัสธรรมชาติแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตลอดจนวิวทิวทัศน์บริเวณ ท่าเรือเก่านั้น ดูมีเสน่ห์ตรึงใจไม่น้อย จากบริเวณ Vieux – Port คุณยังสามารถมองเห็น มหาวิหารโนทเทรอะดาม เดอ ลา การ์ด ที่สวยงามของเมืองได้อีกด้วย เมื่อได้เวลาอันสมควรแล้ว
เราจะพาท่านเดินทางสู่ เมือง Aix -on -Provance ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์และศูนย์กลางความเจริญ ปัจจุบันเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศสที่มีความเก่าแก่ถึง 600 ปี
เข้าที่พักที่ Aix-on-Provance
Day 4 : Provençale – le cour Mirabeau – Salon de Provence – Michel de Nostredame – Les Baux de Provence – L’église Saint Vincent St.Remy de Provence
หลังรับประทานอาหารเช้า เดินชมตลาดเช้าแบบ Provençale สัมผัสวิถีชีวิตของชาวโพรวองซ์ เยี่ยมชมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน ผักและผลไม้สดๆ จากไร่ พร้อมเดินชม ถนนมิราโบ (le cour Mirabeau) อันเป็นถนนที่มีความสวยงามมากที่สุดอีกสายหนึ่งของฝรั่งเศส ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก พร้อมเยี่ยมชมน้ำพุกว่าร้อยแห่ง
อันตระการตา และตามรอยศิลปินชื่อดัง Paul Cézanne
จากนั้นพาท่านเยี่ยมชม ซาลง เดอ โพรวองซ์ (Salon de Provence) อันเป็นเมืองเก่าแก่อีกเมืองหนึ่งในโพรวองซ์ ครั้งประวัติศาสตร์ความเป็นมาของทหารฝรั่งเศสตั้งแต่สมัยพระเจ้าหลุยที่ 14 ถึง ปี 1914 ชม นอสตราดามุสหรือ มิเชล เดอ นอสเตรอดัม (Michel de Nostredame) ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว ซึ่งเกิดที่ เมืองแซงต์ เรมี Saint Rémy de Provence หลังจากที่จบการศึกษาแพทย์ เขาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่ Salon de Provence ปัจจุบันบ้านของเขาได้จัดเป็นพิพิธภัณท์ให้เยี่ยมชม เรื่องราวความเป็นมาของนอสตราดามุส
เยี่ยมชม หมู่บ้าน เลโบเดอโพรวองซ์ (Les Baux de Provence) หมู่บ้านเล็กๆ อันแสนน่ารักๆที่มีร้านขายของเรียงรายอยู่สองข้างทาง ท่ามกลางบรรยากาศแบบโพรวองซ์แท้ๆ หมู่บ้านนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมากว่า 6,000 ปี โดยพบร่องรอยการมาอยู่อาศัยของมนุษย์
จากนั้น เราจะพาท่านชม โบสถ์ประจำหมู่บ้าน L’église Saint Vincent ซึ่งเป็นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 10 หมู่บ้านนี้จะเต็มไปด้วย ร้านค้าขายของที่ระลึก สไตล์โพรวองซ์ ให้ท่านได้เลือกซื้อไปใช้ หรือเป็นของฝากได้เป็นอย่างดี แต่ละร้านมีการตกแต่งอย่างสวยงาม
ชม หมู่บ้าน แซ็ง เรมี เดอ โพรว็องซ์ (St.Remy de Provence) หมู่บ้านเล็กๆ น่ารัก ซึ่งมีความสำคัญคือ เป็นบ้านเกิดของนอสตาดามุส เลขที่ 6 และยังมีโรงพยาบาลที่เคยเป็นสถานที่พักรักษาของแวนโก๊ะ อีกด้วย
คืนนี้พักที่ Remy de Provence
Day 5 : Avigon – Pont du gard – Pont de St Benezet – Orange Arc de Triomphe d’Orange – Roman Theatre of Orange – Avigon
หลังรับประทานอาหารเช้า พาท่านเที่ยวชม เมือง อาวิญง (Avignon) ซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ 539 ปี
ก่อนคริสตศักราช และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งพระสันตะปาปา
เดินเที่ยว สะพานแห่งการ์ด (Pont du gard) จากนั้นไปต่อกันที่ สะพานเซนต์เบเนเซ่ (Pont de St Benezet) หรือสะพานแห่งเมืองอาวิญง (Pont d’Avignon) เป็นสะพานที่สร้างด้วยคอนกรีตโบราณ เพื่อข้ามแม่น้ำ Rhone เดิมมีความยาวถึง 947 เมตร แต่ปัจจุบันเหลือความยาวเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เดินทางสู่ เมือง Orange (โอรองช์) เป็นเมืองเล็กๆ ที่สวยงามและมีความเป็นมายาวนานนับพันปี ซึ่งจะเห็นร่องรอยประวัติศาสตร์จากสถาปัตยกรรมที่ยังหลงเหลือมาถึงปัจจุบัน
ชม ประตูชัยแห่งโอรองช์ “Arc de Triomphe d’Orange” ซึ่งถือเป็นประตูชัย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1981 สมัยที่สร้างประตูชัยยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่จากการค้นคว้าศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ยอมรับคำจารึกเป็นหลักฐานว่าสร้างในสมัยออกัสตัสบนถนน
อกริพพา เพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารผ่านศึกของสงครามกาลลิค และ กองกำลังเลจิโอที่ 2 แห่งออกัสตา
จากนั้นชม โรงละครโบราณแห่งโอรองช์“Roman Theatre of Orange” ตั้งอยู่ในหุบเขาโฮน (Rhone valley) มีผนังยาว 103 เมตร เป็นหนึ่งในโรงละครโรมันอันยิ่งใหญ่ที่ยังอยู่ในสภาพดีที่สุด โดยบริเวณโค้งโรมัน ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สวยงามและน่าสนใจ มากที่สุด ที่ยังหลงเหลืออยู่
พักที่ Avigon
Day 6 : Gordes – Senanque Abbey – Roussillon – Manosqe – Notre Dame de Romigier – Eglise Saint-Sauveur
หลังอาหารเช้า ชม หมู่บ้านกอร์เดส์ Gordes ตั้งอยู่บนยอดเขา ในแถบเทือกเขาลูแบครง (Luberon) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ลักษณะเมืองเป็นการสร้างขึ้นบนยอดเขาและปลูกบ้าน ลดหลั่นกันลงมาตามไหล่เขา โดยมีบ้านเรือนที่มีสถาปัตยกรรมอันสวยงาม รายล้อมด้วยบรรยากาศแบบชนบทดั้งเดิมของโพรวองซ์ บริเวณด้านนอกของหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านหินที่มีอายุยาวนานมากกว่า 6,000 ปี จากการนำหินมาวางเรียงราย แต่ไม่ได้ใช้วัสดุเชื่อมใดๆ ความสวยงามและความเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน ทำให้ได้รับ คัดเลือกให้เป็น “อีกหนึ่งในหมู่บ้านที่สวย ที่สุดในฝรั่งเศส”
ชมสัญลักษณ์ที่เป็นไฮไลท์ของแคว้นโพรวองส์ที่ โบสถ์เซ-นองก์ อับบีย์ (Senanque Abbey) เพราะเป็นโบสถ์โบราณที่ปรากฏคู่กับทุ่งดอกลาเวนเดอร์ใน ภาพถ่ายซึ่งใช้ในการโปรโมทการท่องเที่ยวของโพรวองส์นั่นเอง
ชม หมู่บ้านครูสสิยง (Roussillon) หมู่บ้านที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันอันหลากหลาย บ้านแต่ละหลังถูกทาด้วยสีส้มสด จึงกลายเป็นหมู่บ้านที่แสนน่ารัก ปัจจุบัน หมู่บ้านแห่งนี้ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาชมความน่ารักของตัวบ้าน ประกอบกับเป็นสถานที่ซึ่งสามารถ เดินทางมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
เดินทางสู่ เมือง manosqe เมืองที่เป็นที่ตั้งของโรงงาน L’occitane en provence ชม Notre-Dame de Romigier ซึ่งเป็นโบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ใจกลางเมือง manosqe ที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ศตรวรรษที่ 12 ชม โบสถ์ Eglise Saint-Sauveur โบสถ์อันเก่าแก่ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1179 ตัวโบสถ์จะประกอบไปด้วยหอระฆังสูงตระหง่าน จากนั้นจึงเดินเล่นชมเมืองเก่า อาคารบ้านเรือน ร้านค้าที่ถูกตกแต่งได้อย่างน่ารัก
คืนนี้พักที่ Avigon
Day 7 : L’occitane en provence – Valensole – Moustiers Sainte Marie – Lac de Sainte – Croix – Grasse
ชม โรงงานผลิตสินค้าชื่อ L’occitane en provence ที่ส่งขายไปยังทั่วโลก 85 ประเทศ กว่า 900 ร้านในปัจจุบัน ให้ท่านได้เลือกซื้อ ผลิตภัณท์ต่างๆ ตามอัธยาศํย
เดินทางสู่ เมือง Valensole เส้นทางทุ่งลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ เพราะเมืองนี้จะมีทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส คำว่า “ลาเวนเดอร์” มีที่มาจากภาษาลาติน คือ “lavare” หมายถึง “ชำระล้าง” ซึ่งคนสมัยก่อนก็นิยมใช้พืชหอมสารพัดประโยชน์ชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย ในช่วงที่มีโรคติดต่อระบาดในกลุ่มชาวเปอร์เซียน กรีก และโรมัน พวกเขาจะนำกิ่งของดอกลาเวนเดอร์มาเผา เพื่อป้องกันโรคติดต่อระบาด ในช่วงต้นศตวรรษที่ประเทศฝรั่งเศส หญิงรับจ้างซักผ้า (washerwomen) ก็ยังใช้ดอกลาเวนเดอร์แช่ไว้ในอ่างอาบน้ำ พวกเขาจะวางดอกลาเวนเดอร์ไว้ในตะกร้าผ้าและตามตู้เพื่อให้ผ้าลินินมีกลิ่นหอม และป้องกันแมลง (ข้อมูลจากเวบ locitane) ถ่ายรูปกันให้จุใจ ให้สมกับการที่ได้มาเยือนเมืองต้นตำรับลาเวนเดอร์แห่งนี้
เดินทางสู่ เมืองมูสติเย แซงก์ มารี (Moustiers Sainte Marie) เมืองที่มีชื่อเสียงในโพรวองซ์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 หรือเรียกอีกชื่อว่าหมู่บ้านแห่งดวงดาว เป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดจนได้รับคัดเลือกให้เป็น Un Les Plus Beaux Village de France (one of The Most Beautiful Villages of France) ตัวหมู่บ้านหินแห่งนี้ ตั้งอยู่ใต้ชะง่อนเขา มีดาวสีทองผูกไว้ระหว่างสองยอดเขา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน ดวงดาว (l’Etoile) โดยมีเรื่องเล่าขานต่อๆกันมาว่า อัศวินคนหนึ่งซึ่งตกเป็นเชลยศึกในช่วงสงครามครูเสด ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากมี โอกาสได้กลับบ้านอีกครั้ง จะนำดวงดาวไปแขวนไว้ระหว่างยอดเขา ณ หมู่บ้านของข้า” แสดงว่าคำอธิษฐานของเขาคงเป็นจริงจึงมีดาวแขวนให้เราเห็นอยู่จนทุกวันนี้
ชม ทะเลสาบ Lac de Sainte-Croix ซึ่งเป็นทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้น เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1971 ถึง ปี 1974
(ใช้เวลา 4 ปี ตัวทะเลสาบเป็นที่ตั้งของเขื่อนโค้งเสริมคอนกรีตโดยใช้ชื่อของเขื่อนว่า Sainte-Croix เป็นอ่างเก็บน้ำที่มีความจุน้ำถึง 761 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนนี้ผลิตไฟฟ้าจากน้ำในเขื่อนได้ถึง 142,000,000 กิโลวัตต์ต่อปี ความสูงของตัวเขื่อนสูง 94 เมตรจากทะเลสาบ และเขื่อนแห่งนี้ สามารถมองเห็นหมู่บ้าน Les Salles-sur-Verdon ซึ่งไม่ได้เป็นหมู่บ้านดั้งเดิม เพราะหมู่บ้านดั้งเดิมที่เคยอยู่ติดกับทะเลสาบชื่อ Sainte-Croix-de-Verdon ได้จมอยู่ใต้ทะเลสาบไปแล้ว
เดินทางสู่ เมือง Grasse เมืองแห่งโลกน้ำหอม
คืนนี้พักที่เมือง Grasse
Day 8 : Grasse – Monaco ville – Palais De Princes – Milan
นำชม โมนาโควิลล์ เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสวย, หมู่ตึกระฟ้าและทิวเขาอันงดงาม เข้าสู่มหาวิหารที่เคยใช้จัดงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสของ เจ้าหญิงเกรซเคลลีแห่งโมนาโค สตรีผู้สูงศักดิ์ที่ชีวิตเปรียบเสมือนเทพนิยายจากหญิงสาวธรรมดาที่โชคชะตาพลิกผันให้เป็นเจ้าหญิงในพระราชวัง วันนี้เธอเป็นตำนานที่ไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แต่เธอนำพาชื่อเสียงให้ โมนาโคเป็นที่รู้จักด้านสาธารณะประโยชน์ องค์กรการกุศลต่างๆ มากมาย
ถ่ายรูปกับ ปาเล เดอ แปรงซ์ (Palais De Princes) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ สร้างขึ้นบนส่วนที่เป็นเดอะร็อก ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม แล้วไปชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าเรือสองแห่งคือ Port De Fontvieille และ Port Hercule ท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราแสดงถึงความมั่งคั่งและร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ จากนั้นเดินทางไปยังเมือง Milan
คืนนี้พักที่ มิลาน
Day 9 : Milan – Duomo – Bangkok
ชม ดูโอโม (Duomo) เป็นมหาวิหารประจำเมือง สร้างในสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นมหาวิหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอับดับสองรองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน ชมโรงอุปรากรชื่อก้องโลก ลา สกาล่า (Teatro alla Scala) กัลเลเรีย วิตโตรีโอ เอมานูเอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่หรูหราอลังการแห่งเมืองมิลาน
ไปยังสนามบินเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG941 ออกเดินทางเวลา 14.05 น.
Day 10 : Bangkok
05.55 น.
เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
ดูภาพรีวิวทัวร์โพรวองซ์ ฝรั่งเศส >> https://www.painaima.com/trip-review/provence/
ดูรูปสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://500px.com/search?q=provence&type=photos&sort=relevance