ทัวร์ภูฏาน
Day 1 : Bangkok
03.00 น. พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 แถว K ประตู 5 ทีมงานอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน
- สายการบิน Drukair
- เส้นทางกรุงเทพฯ-พาโร BKK-PBH
- เที่ยวบิน KB 151
- ออกเดินทาง เวลา 05.45
- เวลาบิน 3 ชั่วโมง (บินตรง)
เมืองพาโร (2,280m) ด้วยสายการบิน DrukAir สายการบินแห่งชาติภูฏาน ตอนนำเครื่องลงท่านจะได้สัมผัสกับขุนเขาอันกว้างใหญ่ใกล้แค่เอื้อม ดุจดั่งเข้าสู่อ้อมกอดของหุบเขาแห่งเมืองพาโร สำหรับท่านที่รักการถ่ายภาพ ความอลังการของทิวทัศน์จะทำให้ท่านได้ภาพที่งดงาม
ชม ป้อมรินปุง Paro Rinpung Dzong (ป้อมแห่งอัญมณี) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ป้อมพาโร สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1645 ทางเดินเข้าป้อมมีธงมนต์เรียงรายสองข้างทางนำไปสู่สะพานไม้แสนสวยหลังคามุงด้วยกระเบื้องหิน และอยู่ติดกับป้อมยามสองหลัง เหนือขึ้นไปมีอาคารหอสังเกตการณ์ของในปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1968 และได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย แต่กำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงเพราะได้รับความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อตุลาคม 2554 ปัจจุบันป้อมพาโรมีฐานะเป็นศูนย์กลางในการบริหารปกครองของเขตปกครองพาโรและเป็นที่ตั้งของอารามหลวง ซึ่งมีพระจำวัดอยู่ราว 200 รูป หอกลาง(อุตซี)ของป้อม ถึงเป็นหนึ่งในงานเครื่องไม้ที่งามที่สุดในภูฎาน
ชมวัดคิชูลาคัง Kyichu Lhakhang หนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ธิเบตในปี ค.ศ.659 ท่านจะได้พบกับต้นส้มศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุถึง 600ปี แต่ยังให้ผลตลอดทั้งปี
ชมวัดทัมชอค ลาคัง และเดินสะพานแขวนเก่าแก่ที่นั่น จากนั้นมุ่งหน้าสู่เมืองทิมพู เป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์อยู่ใจกลางหิมาลัย เพราะไม่เหมือนเมืองหลวงที่ใดในโลก อาคารบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ตามสถาปัตยกรรมภูฎานดั้งเดิม เย็นเดินเล่นรอบเมืองทิมพู
คืนนี้พักที่ทิมพู (Alt; 2320m)
Day 2 : Timphu – Punakha – Wangdue
เดินทางไปยังเมืองพูนาคา ทิวทัศน์ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยความสวยงามของต้นไม้ในเขตอัลไพน์สลับกับพืชเขตร้อน
ระหว่างทางแวะโดชูล่าพาส ที่ระดับความสูง 3150 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตา พร้อมยอดเขาต่างๆเรียงราย รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างโชโมฮารี (7328 เมตร)
ชม 108 สถูป สถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเมืองปีค.ศ.2005 เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับทหารวีรชนชาวภูฏานที่เสียชีวิตจากสงครามอัสสัม
ชมความงามของวัดดรุกวังเยลลาคัง ที่ราชินีในรัชกาลที่4 สร้างถวายแด่กษัตริย์องค์ที่4 ด้านในวัดมีภาพเขียนของเจ้าหญิงและเจ้าชายทุกพระองค์ในรูปของนางฟ้าและเทวดา และภาพเขียนเล่าเรื่องราวประวัติของภูฎาน
ชม ป้อมพูนาคา ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นวังแห่งความสุข “Palace of Great Happiness” และเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สวยงามที่สุดในภูฏาน เป็นป้อมที่สร้างเป็นอันดับสองของภูฏาน ในอดีตเมื่อครั้งเมืองพูนาคายังเป็นเมืองหลวง ป้อมแห่งนี้ได้ถูกใช้เป็นที่ทำการของรัฐบาล ปัจจุบันเป็นที่พักในฤดูหนาวของพระชั้นผู้ใหญ่ ป้อมนี้ตั้งอยู่ ณ บริเวณที่แม่น้ำ Phochu และ แม่น้ำ Mochu ไหลมาบรรจบกัน ชมหมู่บ้าน Gidagom เป็นหมู่บ้านเล็กๆหลังป้อมพูนาคาเพื่อชมวิถีชีวิตชาวบ้าน
วัดชิมิลาคัง วัดที่อยู่บนยอดเนิน ใจกลางหุบเขา สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1499 โดยลามะที่มีชื่อเสียงมาก นามว่าท่าน Lama Drukpa Kunley ที่วัดแห่งนี้ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากใครมาอธิฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ
ค้างคืนที่เมืองวังดี (Alt.1240m)
Day 3 : Bumthang – Trongsa
มุ่งหน้าไปยังเมืองบุมทัง ระหว่างทางผ่านชมช่องเขาเพลาพาส (3,300m) ณ เลยช่องเขาไปจะมีหมู่บ้านใหญ่ชื่อรูคุปจิ บ้านที่นี่จะล้อมรอบไปด้วยทุ่งมัสตาร์ด ไร่มันฝรั่ง ทุ่งบาร์เล่ย์ และข้าวสาลี ระหว่างทางมีทุ่งดอกไม้โรโดเดนดรอน หรือ กุหลาบพันปี และเฟิร์น
ผ่านสถูปเชนเดปจี เป็นจุดพักระหว่างทางของกองคาราวานเดินทางจากทรองซาในช่วงรัชสมัยของกษัตริย์องค์ที่ 2 ของอาณาจักรภูฎาน จุดนี้ยังเป็นจุดสำคัญในการแบ่งภูฎานตะวันออกและภูฎานตะวันตก เขตนี้เป็นดินแดนของคนเลี้ยงจามรีและคนเลี้ยงแกะ ถ้าทัศนวิสัยปลอดโปร่งจะมองเห็นยอดสูงๆของเทือกเขาหิมาลัยได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยอดโชโมฮารี (7,219m) ทางทิศตะวันตกด้วย
ถัดจากหมู่บ้านนี้จะได้เห็น สถูปเชนเดปจิ สีขาวองค์ใหญ่อยู่ริมลำธาร สถูปนี้จำลองมาจากสถูปสวยัมภูวนาถ ในกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล มีรูปตาวาดติดไว้ทั้งสี่ทิศ สร้างขึ้นในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 18 เพื่อสะกดปีศาจที่เข้ามาอาละวาดสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในหุบเขาบริเวณนี้
หมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงทรองซาคือหมู่บ้านทังเซปจิ จากจุดนี้ท่านจะได้เห็นวิวอันตะการตาของป้อมทรองซา อย่างสมบูรณ์ มองเห็นหลังคาสีแดงอันโดดเด่น ป้อมทรองซานี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1645 ภายในประกอบด้วยสถาปัตยกรรมชั้นเลิศ ลานกว้าง ทางเดิน และระเบียงอันสลับซับซ้อนเหมือนเขาวงกต ทั้งยังมีวิหารและหอบูชาอยู่มากถึง 25หลัง ป้อมนี้เป็นป้อมที่สำคัญมาก เป็นสถานที่จัดงานพระราชพิธีแต่งตั้งองค์มงกุฎราชกุมารขึ้นเฉลิมพระยศเป็นโชเชเป็นลป ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตร์ย์องค์ต่อไป
ชมในตัวป้อมทรองซา เมื่อเข้าไปในเขตของหุบเขาชูเม่ (เป็นหุปเขาแรกในสี่หุบเขาที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นหุบเขาบุมถัง) ที่นี่มีการทอผ้ายาตรา ซึ่งเป็นผ้าขนสัตว์ทอมือกันมาก เป็นแพทเทิร์นที่มีรูปแบบเฉพาะ สีสันสดใส เป็นที่ต้องการของตลาด เดินเล่นในตัวเมืองทรองซา
คืนนี้พักที่ทรองซา (Alt 2,180m)
Day 4 : Trongsa – Bumthang
เที่ยว พิพิธภัณฑ์ทรองซา ซึ่งเดิมเคยเป็นหอสังเกตการณ์ของเมือง แล้วมุ่งหน้าไปสู่เมืองบุมถังเป็นเมืองแห่งจิตวิญญานที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศภูฎาน
ผ่านช่องเขาโยตงลาพาส (3,425m) ถือเป็นเส้นที่มีวิวที่สวยที่สุดในภูฎาน
เที่ยวป้อมจาคา ซึ่งเป็นป้อมที่ใหญ่ที่สุดในภูฎาน โดยมีกำแพงป้อมยาวถึง 1 กิโลเมตร
เที่ยวชมวัดจัมเบลาคัง วัดที่เก่าแก่ที่สุดหนึ่งในสองของบุมถัง สร้างพร้อมกับวัดคิชุลาคังในเมืองพาโร สร้างโดยกษัตริย์ซองเซนกัมโปของทิเบตเพื่อสะกดปีศาจร้าย
เที่ยวชมวัดเคอเจลาคัง เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ ภายในตัววัดประกอบไปด้วยสามอารามใหญ่ และล้อมรอบด้วยสถูป 108สถุป
ชมวัดทัมชิงลาคัง วัดในนิกายนิงมาปะ พบโดยท่านเทอทน เปเม ลิงปะ ภายในวัดมีจิตรกรรมฝาผนังโบราณที่เป็นภาพพระพุทธเจ้าทั้ง 1,000 ปาง และพระโพธิสัตว์
ชมวัดเคนโชซัมลาคัง ซึ่งครั้งแรกถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 7 จากนั้นท่านเทอทน เปมา ลิงปะ ได้บูรณะวัดใหม่ในปี ค.ศ.15 เชื่อกันว่าตัววัดได้ถูกสร้างบนทะเลสาบใหญ่ที่ซึ่งท่านได้ค้นพบสมบัติสำคัญทางศาสนา
ไปยังวิทยาลัยสงฆ์เคอชู ดรักซังบนเนินเขา ที่นี่เป็นจุดชมวิวหุบเขาบุมถังที่สวยงาม บุมถังเป็นเมืองใจกลางประเทศที่ถูกขนานนามโดยนักท่องเที่ยวว่าเป็นสวิสเซอร์แลนด์แห่งเอเชีย เดินเล่นในตัวเมืองบุมถัง
ค้างคืนที่บุมถัง(Alt; 2580m)
Day 5 : Bumthang – Phobjikha
มุ่งหน้าสู่เมืองผอบจิกะเมืองที่สวยที่สุดเมืองหนึ่งในภูฎาน หรือเรียกว่าเป็นเขตกังเต ซึ่งมาจากชื่อวัดกังเต เป็นเมืองในหุบเขาที่แสนงดงาม เรียบง่าย และอุดมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นแหล่งพักของนกกระเรียนคอดำที่อพยพหนีหนาวจากที่ราบสูงทิเบต ท่ามกลางป่าสน เทือกเขา และไร่มันสำปะหลังที่ผสมผสานกันอย่างงดงาม จนนักท่องเที่ยวหลายคนฝันอยากมาใช้ชีวิตที่อยู่ที่นี่เลยทีเดียว เราจะพาท่านเดินเข้าไปในท้องทุ่งกลางหุบเขา ไปสัมผัสชีวิตชาวภูฎานอย่างแท้จริง
บ้านชาวนา เพื่อไปชิมขนมพื้นบ้านที่ทำจากข้าวโพด พร้อมจิบชาร้อนๆแบบภูฎาน รับประทานอาหารที่ภัตตาคาร จากนั้นพักผ่อนที่รีสอร์ทในเมืองผอบจิกะ (Alt;2900m)
ค้างคืนที่ผอบจิกะ
Day 6 : Phobjikha – Timphu
แวะเที่ยววัดกังเต วัดนี้เป็นวันนิกายนิงมาปะ ที่ใหญ่ที่สุดในภูฎาน ผู้ก่อตั้งอารามกังเต คือท่านเปมา ทรินเล หลานปู่ของท่านเปมา ลิงปะ พระอริยบุคคลผู้โด่งดังในนิกายญิงมาปะของภูฎาน มุ่งหน้ากลับไปยังทิมพู
ช่องเขาโดชูล่าพาส ทิมพูเป็นเมืองหลวงที่มีเสน่ห์อยู่ใจกลางหิมาลัย เพราะไม่เหมือนเมืองหลวงที่ใดในโลก อาคารบ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ตามสถาปัตยกรรมภูฎานดั้งเดิม
เที่ยวป้อมซิมโตคา ซึ่งเป็นป้อมปราการที่เก่าแก่ที่สุด สร้างในปี 1629 ปัจจุบันเป็นสถานที่ตั้งของโรงเรียนสอนศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เดินเที่ยวซื้อของที่ระลึกในตัวเมือง
เข้าพักโรงแรมที่เมืองทิมพู (Alt 2,320m)
Day 7 : Thimphu
ชมวิวเมืองทิมพูที่ หอคอย BBS ซึ่งเป็นที่หนุ่มสาวขนานนามว่าเป็น สถานที่โรแมนติก หรือ Romantic Point จากนั้นเที่ยวชมสัตว์ประจำชาติภูฏานที่ สวนสัตว์ทาคิน ชมตัวทาคิน สัตว์ประจำชาติของประเทศภูฏาน
ชม วัดชังกังคา เป็นวัดเก่าแก่ประจำหุบเขาทิมพู สร้างในศตวรรษที่ 12 โดยท่านลามะ พาโจ ดรุกอม ชิกโป บุตรของท่านนิมา เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอวโลกิเตศวรในปางที่มีสิบเอ็ดเศียร วัดนี้เป็นวัดที่ชาวทิมพูจะนำเด็กอ่อนมาให้พระให้ศีลให้พร และบ้างก็ให้พระลามะตั้งชื่อให้เพื่อเป็นศิริมงคล จากที่นี่จะเห็นวิวเมืองทิมพูอีกด้านหนึ่ง
Buddha Gang ที่ซึ่งประดิษฐานองค์พระใหญ่ที่สุดในภูฎาน บนยอดเขาที่เป็นจุดรวมพลังของหุบเขาทิมพู
ชม Memorial Chorten อนุสรณ์สถาน ที่สร้างในปี 1974 เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับอดีตกษัตริย์ภูฏานองค์ที่สามที่ล่วงลับ ที่นี่ท่านจะได้เห็นชาวภูฎานและนักแสวงบุญจำนวนมากมานั่งสวดมนต์หมุนกงล้อมนตรา และเดินเวียนเทียนรอบสถูป
สู่ป้อมทาชิโช ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานที่ใช้ทรงงานของกษัตริย์ ประกอบไปด้วยท้องพระโรง และศาสนสถานอยู่ภายใน เดินเที่ยวรอบใจกลางเมืองทิมพู
เข้าพักโรงแรมที่เมืองทิมพู (Alt 2,320m)
Day 8 : Haa Valley
เดินทางสู่หุบเขาฮา ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามจับใจ แต่เดิมหุบเขาฮาเป็นไม่อนุญาติให้ชาวต่างชาติเข้าไปท่องเที่ยว จนเมื่อปี2001 รัฐบาลภูฎานได้เปิดพื้นที่ให้โอกาสนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้สัมผัสชีวิตที่ยังไม่ถูกเจือปนจากโลกภายนอก หุบเขาฮาเป็นที่ประทับของพระมารดาของพระราชินีในรัชกาลที่4 ห้อมล้อมด้วยป่าเขา เต็มไปด้วยศาลเจ้าเก่าแก่โบราณ ในหุบเขาจะเห็นทุ่งข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ และไร่มันฝรั่ง
หยุดถ่ายภาพเขาสามลูกเทพเจ้าผู้คุ้มครองชาวเมืองในหุบเขาฮา ที่เป็นที่มาของตำนานและชื่อหุบเขาฮา เมื่อเข้าสู่เมืองฮา
พาท่านไปยัง วัด Black Dove & White Dove เดินเล่นตัวเมืองฮา
คืนนี้ค้างคืนที่หุบเขาฮา
Day 9 : Haa Valley – Paro
เมืองพาโร ผ่านถนนที่สูงที่สุดของภูฎานที่ช่องเขา เชเลลาพาส (3810m)
เดินขึ้นสักการะวัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในภูฎาน วัดทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ เป็นศาสนสถานที่มหัศจรรย์ เพราะตัววัดเหมือนเกาะอยู่บนหน้าผาหินที่มีความสูงถึง 900 เมตร วัดจากที่ราบพาโร ตำนานกล่าวไว้ว่าท่าน Guru Padmasambhava หรือ พระปทุมสมภพในภาคยักษ์ หรือพระศาสดาองค์ที่สองตามความเชื่อของชาวภูฏาน ได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่าถ้ำเสือ หลังจากที่สำเร็จสมาธิแล้ว ท่านจึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้น ชาวภูฏานส่วนใหญ่มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะได้ขึ้นมาแสวงบุญที่ Taksang สักครั้งหนึ่งในชีวิต ใช้เวลาการปีนเขาจะใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง (ไป-กลับ)
รับประทานอาหารภูฎานแท้ๆที่บ้านชาวนา โดยท่านจะได้ชมบ้านชาวนาว่าเป็นอย่างไร ความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาดูได้จากห้องพระที่ใหญ่โตเหมือนอยู่ในโบสถ์ของวัดทีเดียว ชาวบ้านที่นี่ปลูกข้าวทานเอง เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่เอง เป็นวิถีของเศรษฐกิจพอเพียงที่ยังคงมีให้เห็นโดยทั่วไป
พักค้างคืนที่เมืองพาโร (Alt; 2280m)
Day 10 : Paro – Bangkok
08.00 เดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพมหานคร
- Drukair เที่ยวบินที่ KB152 ทัวร์ภูฏาน
- ออกเดินทางเวลา 10.00 น. ทัวร์ภูฏาน
- เดินทางถึง กทม 16.10 น. ทัวร์ภูฏาน
เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ
โปรแกรมอื่นๆ >> https://www.painaima.com/tag/bhutan/
ดูรูปสวยๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ >> https://500px.com/search?q=bhutan&type=photos&sort=relevance
Big grand ทัวร์ภูฏาน เที่ยวจุใจ เส้นทางใหญ่ 10 วัน 9 คืน
ทัวร์ภูฏานชุดใหญ่ไฟกระพริบ เที่ยวเจาะลึกภูฎานให้ถึงแก่น แบบทัวร์อื่นไม่จัด สัมผัสมนต์เสน่ห์ภูฏาน เมืองแห่งความเงียบสงบและสวยงามให้มากกว่าทุกไฮไลต์ของทัวร์อื่น
Product In-Stock: 1